ระหว่างการทำโซเชียลแบบ Organic กับ Paid ต่างกันอย่างไร

หากเราย้อนกลับไปเมื่อปี 2007 ถือเป็นปีแห่งจุดเริ่มต้นของโลกยุคใหม่ ณ เวลานั้นหลายๆ คนอาจจะยังไม่รู้สึกหรือไม่คาดคิดว่าสิ่งนี้จะเข้ามาเปลี่ยนโลกธุรกิจไปตลอดกาล นั่นคือ “เฟซบุ๊ก เพจ” ในยุคนั้นทุกคนต่างยังไม่รู้จักกับการตลาดโซเชียล ยังไม่รู้จักวิธีการโปรโมทเพจ เพราะสมัยนั้นเราโพสต์อะไร ขายอะไรคนก็เห็นแบบไม่ต้องเสียเงินซื้อโฆษณาสักบาทเดียว แต่แน่นอนไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ที่คนใช้แล้วเห็นผล ก็ทำให้มีธุรกิจใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมายบนแพลตฟอร์มนี้เป็นจำนวนมาก

เฟซบุ๊กเองก็มีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาเพื่อรองรับกับจำนวนผู้ใช้อันมหาศาล จนท้ายที่สุดปัจจุบันนี้คงไม่ต้องอธิบายให้ยืดยาว เพราะคนทำธุรกิจออนไลน์ทุกคนได้เรียนรู้ถึงความยากลำบากในการโพสต์ขายสินค้าแบบไม่ซื้อโฆษณาแล้วว่า “มันแทบเป็นไปไม่ได้” บทความนี้เราจึงจะพาคุณมาวิเคราะห์และแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างการทำ Organic กับ Paid โซเชียลพร้อมกับเหตุผลที่จะไขข้อสงสัยว่า ทำไมวันนี้ กับเมื่อ 12 ปีที่แล้ว มันช่างต่างกันโดยสิ้นเชิง

ความแตกต่างระหว่างการทำโซเชียลแบบ ORGANIC กับ PAID

Organic กับ Paid โซเชียล

การทำการตลาดโซเชียลนั้น เราจะไม่ให้คำจำกัดความว่าสิ่งนั้นถูก สิ่งนั้นผิด เหตุผลคือหลายๆ คนใช้วิธีโปรโมทเพจที่คนอื่นอาจมองว่าผิด แต่ธุรกิจเขากลับประสบความสำเร็จเป็นอย่างดียอดขายถล่มทลาย ดังนั้นความเป็นจริงของการทำการตลาดคือ “ไม่มีกฎตายตัว ไม่มีสูตรสำเร็จ” คุณจะต้องหาหนทางที่ใช่กับธุรกิจของคุณด้วยตัวเอง แต่! แนวทางปฏิบัติพื้นฐานที่เจ้าของธุรกิจต้องรู้เอาไว้ก็พอมีอยู่บ้าง ก่อนอื่นเราจะอธิบายสั้นๆ ถึงความหมายของสองสิ่งที่เราจะมาพูดถึงในวันนี้

  • Organic = ถ้าแปลตรงๆ ก็คือ ความเป็นธรรมชาติ ไม่ถูกปรุงแต่ง คอนเทนต์ทุกโพสต์ที่เราทำส่งออกไปจะถูกปล่อยให้ผู้ใช้อื่นๆ เห็นแบบธรรมชาติ (ซึ่งปัจจุบันเฟซบุ๊กก็จำกัดการมองเห็นอย่างมาก)
  • Paid = การจ่ายเงินเพื่อซื้อพื้นที่โฆษณา เป็นการกระตุ้นให้ระบบผลักเอาคอนเทนต์ของคุณส่งต่อให้ผู้ใช้อื่นๆ เห็นได้ตามวัตถุประสงค์ กลุ่มเป้าหมายและจำนวนเงินที่คุณใส่เอาไว้
รูปรวม social media icon เช่น Facebook, Instagram, LinkedIn, YouTube, Pinterest, Twitter, Whatsapp

โซเชียลมีเดีย คือ เฟซบุ๊ก?

ทุกวันนี้ยังคงมีคนเข้าใจผิดอยู่ไม่น้อยกับคำว่า “โซเชียลมีเดีย” ก็คือ “เฟซบุ๊ก” จริงอยู่ว่าเฟซบุ๊กก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ไม่ใช่ทั้งหมดเรามีทั้ง Instagram, Youtube, Twitter, LINE, Snapchat ฯลฯ แต่ที่นักการตลาดส่วนใหญ่นำเฟซบุ๊กเป็นมาตรฐานในการทำการตลาดโซเชียลก็เพราะแพลตฟอร์มนี้ทำให้เราเห็นภาพชัดที่สุด เป็นแพลตฟอร์มที่ผันตัวจากแค่พื้นที่สำหรับสร้างสังคมออนไลน์ สู่สังเวียนธุรกิจขนาดใหญ่ที่พาเอาหลายๆ อุตสาหกรรมต้องเจ๊งกันไปอย่างน่าเสียดาย อาทิ สิ่งพิมพ์ เป็นต้น

ทำการตลาดโซเชียลแบบ Organic

จากที่เฟซบุ๊กมีการปรับลดการมองเห็นแบบออร์แกนิคลงเรื่อยๆ (สำหรับเพจ) จนตอนนี้เหลือไม่ถึง 1% ด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมเวลาที่คุณลงคอนเทนต์ไปบนแฟนเพจแล้วคนจึงเห็นน้อยลง อย่างที่คุณทราบกันดีว่าการทำการตลาดโซเชียลแบบ Organic อย่างเดียวนั้นยังไม่เพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณต้องการโปรโมทธุรกิจ แบรนด์สินค้า บริการต่างๆ แบบทันทีทันใดล่ะก็ Organic ย่อมไม่ตอบโจทย์เพราะโอกาสที่คนจะมาเห็นคอนเทนต์ของคุณนั้นน้อยมากจึงต้องใช้การซื้อโฆษณาเข้าช่วย 

ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า เฟซบุ๊ก ให้ความใส่ใจกับ “ผู้ใช้” เป็นอันดับแรก ผู้ใช้ในที่นี้คือทุกๆ คนที่อยู่ในสังคมออนไลน์ ไม่มีเรื่องธุรกิจมาเกี่ยวข้อง คือการแชร์ไลฟ์สไตล์ การพูดคุยกับเพื่อนฝูง ญาติพี่น้องหรือบัญชีผู้ใช้ที่ไม่ใช่เพจ แต่การทำคอนเทนต์ส่งออกไปแบบ Organic ก็ยังคงต้องทำควบคู่กันไปซึ่งอาจใช้การทำคอนเทนต์ที่ให้ประโยชน์ระยะยาว (Evergreen Content) การทำคอนเทนต์ให้ตรงกลุ่มเป้าหมายของเพจ การเลือกโพสต์ในเวลาที่เหมาะสม ก็จะมีส่วนช่วยให้ประสิทธิภาพของเพจดีขึ้นได้

 

โซเชียลมีเดียสุดฮิตในสมัยก่อน

ความกังวลของเฟซบุ๊ก

ถ้าคุณย้อนกลับไปอีกสักนิด ก่อนที่เฟซบุ๊กจะเกิดขึ้นบนโลก ยุคสมัยหนึ่งคนไทยแทบจะทุกคนต่างต้องไม่พลาดที่จะมี Hi5 เป็นของตัวเอง ส่วนฝรั่งเขาก็จะมีโซเชียลมีเดียสุดฮิตอย่าง MySpace ซึ่งตอนหลังทั้งสองแพลตฟอร์มนี้ก็หายไปจากโลกเพราะเฟซบุ๊กเข้ามาแทนที่ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเฟซบุ๊กถึงต้องให้ความสำคัญกับผู้ใช้ที่เป็นบุคคลทั่วไปมากนัก ก็เพราะเขากลัวจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยแบบสองแพลตฟอร์มที่ว่า เพราะเฟซบุ๊กมองว่ายิ่งเราให้คนเห็นโฆษณา (แบบ Organic) มากจนเกินไปผู้ใช้อาจจะรู้สึกรำคาญและเลิกใช้แพลตฟอร์มนี้ไปในที่สุด

งั้นก็ไม่ต้องทำเพจสิ ใช้เฟซบุ๊กส่วนตัวขายของก็ได้!

ใช่ คุณทำได้ แต่เราไม่แนะนำ

  1. บัญชีผู้ใช้ที่ไม่ใช้เพจมีการจำกัดจำนวนเพื่อนสูงสุดไว้ที่ 5,000 คนเท่านั้น
  2. ต่อให้บัญชีนั้นของคุณจะไม่ใช่เพจ แต่เฟซบุ๊กก็จะรู้อยู่ดีว่าคุณเอาแต่ขายของ ดังนั้นคอนเทนต์ที่คุณทำส่งออกไป ก็จะมีประสิทธิภาพไม่ต่างกัน
  3. คุณไม่สามารถซื้อโฆษณาใดๆ ได้

ทำการตลาดโซเชียลแบบ Paid

ถ้าอ่านหัวข้อก่อนหน้าแล้วทำเอาคุณเครียด เดี๋ยวก่อน! เพราะเฟซบุ๊กได้หาทางออกให้กับธุรกิจไว้ให้คุณแล้วนั่นก็คือ “โฆษณา” อยากโปรโมทนักใช่ไหม ได้! เธอก็จ่ายตังค์ฉันสิ

การทำโฆษณาโดยเลือกวัตถุประสงค์ที่ใช่ กลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ประสิทธิภาพแคมเปญของคุณดีขึ้นได้ สิ่งที่คุณควรจะรู้เอาไว้ใน พ.ศ. นี้ คือ เฟซบุ๊กถือเป็นแพลตฟอร์มที่มีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำที่สุด ลึกที่สุด เพราะพวกเขาเก็บพฤติกรรมผู้ใช้มาเป็นระยะเวลานับสิบปีและมีการพัฒนาระบบ Ai รวมถึงกลยุทธ์การเก็บข้อมูลแบบต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกว่าทุกวันนี้แบรนด์น้อย แบรนด์ใหญ่ต่างต้องเข้ามาทำการตลาดโซเชียลด้วยกันทั้งนั้น

เงินเยอะ ไม่ได้หมายความว่า คุณชนะ

การทำการตลาดโซเชียลนั้นจำนวน “เงิน” กลับไม่ใช่ตัวแปรสำคัญที่สุด จริงอยู่ว่าเงินเยอะกว่าก็มีโอกาสมากกว่า แต่ถ้าเปรียบเทียบกันจริงๆ แล้ว “คอนเทนต์” ที่ดีต่างหากคือตัวแปรสำคัญในการดึงความสนใจจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ คำว่าคอนเทนต์ที่ดี คือการนำเสนอสิ่งที่เป็นประโยชน์ ทันสมัย ทันต่อกระแส ดึงดูดและสร้างแรงกระทบต่อผู้เห็นโฆษณาได้ เราจึงจะได้ยินประโยคที่ว่า “การตลาดแบบเมื่อก่อนคือ ปลาใหญ่ กินปลาเล็ก แต่สำหรับการตลาดโซเชียลในปัจจุบันนั้นคือ ปลาเร็ว กินปลาช้า” ความหมายคือต่อให้แบรนด์ของคุณจะอยู่มานาน เป็นแบรนด์ใหญ่คับโลกแค่ไหนคุณก็มีสิทธิ์แพ้แบรนด์เกิดใหม่ได้หากคุณไม่เร็วพอ

รูปภาพที่ใช้ในโฆษณาออนไลน์

สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

นอกจากจะมีเงินแล้ว คอนเทนต์ดีแล้ว อีกหนึ่งส่วนสำคัญคือ “รูปภาพ” หรือกราฟิกต่างๆ ที่เราใช้ในการทำโฆษณา ถึงแม้คอนเทนต์คุณจะให้ประโยชน์แก่ผู้อ่านมากเพียงใดแต่รูปภาพเป็นสิ่งแรกที่พวกเขาจะเห็นได้เร็วที่สุด ดังนั้นการจะหยุดคนบนโลกโซเชียลไม่ให้เลื่อนฟีดผ่านโฆษณาของคุณไปจึงเป็นเรื่องสำคัญ ภาพจะต้องดูสวยงาม เหมาะสมไม่ผิดกฎการทำโฆษณาของเฟซบุ๊กอย่างเช่น ตัวหนังสือไม่เกิน 20% (ตรวจสอบได้โดยใช้เครื่องมือ Text Overlay) ไม่ใช้ภาพเปรียบเทียบ Before & After ห้ามใช้ภาพที่เห็นเรือนร่างที่ไม่มิดชิด ห้ามอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง ห้ามใช้ภาพอาวุธต่างๆ ฯลฯ ซึ่งแน่นอนว่าหากคุณจะทำโฆษณาสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่คุณควรศึกษาเอาไว้

ทำไมเฟซบุ๊กถึงมีกฎเยอะนัก

เหตุผลเดียวกันกับที่เรากล่าวไว้ข้างต้น นั่นคือการใส่ใจต่อความรู้สึกของผู้ใช้ที่ไม่ใช่ธุรกิจ ดังนั้นการทำโฆษณาด้วยสิ่งต่างๆ ที่เฟซบุ๊กได้ห้ามไว้จึงมักมีเหตุผลรองรับเสมอ อย่างเช่นเรื่องตัวหนังสือบนภาพ การใส่ตัวหนังสือเยอะมากจนเกินไปบนภาพแน่นอนว่ามันแสดงอย่างชัดเจนว่าเป็นโฆษณาซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้ที่ไม่ต้องการเห็นสิ่งเหล่านี้ไม่พอใจได้ นั่นจึงเป็นสาเหตุว่าเราควรจะทำภาพโฆษณาที่ดูเป็นไลฟ์สไตล์ให้มากที่สุด เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายที่สุด หรือภาพเรือนร่างอย่างเช่น โชว์ซิกแพค โชว์หน้าท้อง เฟซบุ๊กห้ามด้วยเหตุผลที่สิ่งนี้อาจมีผลต่อความรู้สึกของบุคคลอื่น เป็นต้น

วิธีทำโฆษณาเฟซบุ๊ก

วิธีโปรโมทเพจ

สิ่งที่เรามักจะแนะนำให้คนทำธุรกิจที่เพิ่งเปิดเพจใหม่ทำเสมอ นั่นคือ “อย่าเพิ่งบุ่มบ่ามทำโฆษณาไปตั้งแต่แรก” สิ่งที่ควรจะเป็นคือคุณควรจะมีคอนเทนต์รองรับเพียงพอก่อนที่จะเริ่มทำโฆษณา หลังจากเปิดเพจใหม่ๆ ให้คุณทำคอนเทนต์ปล่อยออกไปในช่วงแรกตามแต่ความถี่ที่คุณคิดว่าเหมาะสมโดยอย่าเพิ่งไปกังวลว่าจะมีคนเข้ามาเห็นหรือไม่ (ช่วงแรกๆ อาจจะไม่มีคนเห็นเลยก็ได้และควรมีคอนเทนต์รออยู่ในเพจอย่างน้อย 20-25 คอนเทนต์โดยโพสต์แบบธรรมชาติ ไม่ใช่ลงทีเดียว 25 โพสต์) หลังจากมีคอนเทนต์รองรับแล้วจึงค่อยเริ่มทำโฆษณาอาจจะจากคอนเทนต์ที่มีอยู่ในเพจ (Boost Post) หรือทำโฆษณาใหม่ขึ้นมาโปรโมทธุรกิจก็ได้

เริ่มต้นทำโฆษณาเฟซบุ๊ก

เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมการกด Boost Post จากหน้าเพจถึงให้ผลลัพธ์ได้ไม่ดี นั่นเพราะคุณไม่ได้มีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายใดๆ เลย เพียงแต่ระบบของเฟซบุ๊กหาให้โดยอัตโนมัติเท่านั้นซึ่งแน่นอนว่าความแม่นยำนั้นน้อยมาก ทีนี้ถ้าต้องการเริ่มทำโฆษณาแบบจริงๆ จังๆ เราอยากให้คุณเข้าใจถึงโครงสร้างของโฆษณาเฟซบุ๊กก่อนว่าเป็นอย่างไร

เฟซบุ๊กได้จัดโครงสร้างของโฆษณาไว้ 3 ลำดับดังต่อไปนี้

  1. Campaign = กำหนดวัตถุประสงค์
  2. Ad Set = กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ตำแหน่งแสดงโฆษณา ระยะเวลาและงบโฆษณา
  3. Ads = โฆษณา

ณ ปัจจุบัน (กรกฎาคม 2562) เฟซบุ๊กมีวัตถุประสงค์ของโฆษณาให้คุณเลือกใช้ดังต่อไปนี้

Awareness (การรับรู้)

  • Brand Awareness (การรับรู้แบรนด์)
  • Reach (การเข้าถึง)

Consideration

  • Traffic (จำนวนผู้เข้าชม)
  • Engagement (การมีส่วนร่วม)
  • App Installs (จำนวนการติดตั้งแอป)
  • Video Views (จำนวนการรับชมวิดีโอ)
  • Lead Generation (การสร้างลูกค้าเป้าหมาย)
  • Messages (ข้อความ)

Conversion

  • Conversions (คอนเวอร์ชั่น)
  • Catalog Sales (ยอดขายจากแค็ตตาล็อก)
  • Store Traffic (การเยี่ยมชมหน้าร้าน)

วิธีโปรโมทเพจเบื้องต้นคือให้คุณทำตามขั้นตอน ตามลำดับโครงสร้างที่เราบอกไว้ข้างต้น ตรงส่วนของการกำหนดกลุ่มเป้าหมายเฟซบุ๊กก็ให้คุณเลือกได้ตั้งแต่ Interest (ความสนใจ) Demographic (ข้อมูลประชากร) และ Behavior (พฤติกรรม) หลังจากที่กำหนดทุกอย่างครบถ้วนแล้วก็รอเวลาสักครู่ให้ระบบพิจารณาโฆษณาของคุณว่าผ่านเกณฑ์หรือไม่ ถ้าไม่ผ่านเขาก็จะบอกเหตุผลกลับมาให้คุณแก้ไขจนกว่าจะสามารถทำโฆษณาได้

ทำไมคนถึงจ้างเอเจนซีทำโฆษณาออนไลน์

ทำไมคนถึงจ้างเอเจนซี่

เหตุผลในหัวข้อนี้ง่ายนิดเดียว นั่นคือ “ประหยัดเวลา” แถมยังได้ประสิทธิภาพที่ดีกว่าอีกด้วย คุณก็เห็นว่าวิธีการทำโฆษณานั้นมีหลายขั้นตอนและนี่เป็นเพียงแค่ขั้นตอนการทำเท่านั้น เพราะนอกเหนือจากนี้ยังมีเรื่องการตลาดโซเชียลและกลยุทธ์ทางการตลาดเข้ามาเอี่ยวด้วย อีกอย่างคืองานทางด้านนี้ถือเป็นงานเฉพาะทางที่ต้องศึกษาอย่างจริงจัง แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือเอเจนซี่มีการเก็บฐานข้อมูลของหลากหลายอุตสาหกรรม ธุรกิจ เอาไว้ดังนั้นพวกเขาจึงมีความเชี่ยวชาญอย่างมากในตลาดต่างๆ รวมถึงเทรนด์ ณ เวลานั้นๆ จากการใช้เครื่องมือวิเคราะห์จำพวก Social Listening รวมไปถึงกระบวนการ Optimize เพื่อพัฒนาให้แคมเปญโฆษณาของคุณทรงประสิทธิภาพสูงสุดแถมยังมีรายงานสรุปส่งให้คุณทุกๆ เดือนเพื่อท่านเจ้าของทั้งหลายจะได้รับรู้ถึงความคุ้มค่าที่พวกเขาลงทุนจึงไม่แปลกที่เจ้าของธุรกิจส่วนมากจะเลือกใช้เอเจนซี่เข้ามาดูแลในส่วนงานตรงนี้

วิธีโปรโมทไอจี

วิธีโปรโมทไอจี

คอเทนต์บนอินสตาแกรมนั้นจะต่างจากบนเฟซบุ๊กตรงที่บนไอจี “เน้นภาพสวย” ดังนั้นการจะทำโฆษณาบนอินสตาแกรมคุณจึงควรให้ความสำคัญกับเรื่องภาพเป็นอันดับแรก ถ้าขายสินค้า ภาพสินค้าก็ต้องชัด ดูแล้วมีเอกลักษณ์เฉพาะแบรนด์ที่สำคัญไม่ใส่ตัวหนังสือมากจนเกินไป หรือถ้าทำได้ไม่ใส่ตัวหนังสือเลย จะดีที่สุด ส่วนวิธีโปรโมทไอจีทางด้านเทคนิคคุณย้อนกลับไปอ่านหัวข้อวิธีโปรโมทเพจได้เลย เพราะกระบวนการเดียวกันเนื่องจากตอนนี้เจ้าของอินสตาแกรมคือ เฟซบุ๊ก เครื่องมือจัดการโฆษณาจึงเป็นตัวเดียวกันเพียงแต่คุณต้องไปกำหนดตรงส่วนของ Placement (ตำแหน่งที่โฆษณาจะแสดง) ให้เป็นไอจี ก็เท่านั้น


ในปัจจุบันนั้นเชื่อได้ว่าคงมีคนไม่น้อยที่รู้เรื่องเทคนิคต่างๆ ในการเอาชนะคู่แข่งด้วยการตลาดโซเชียลแต่ก็ยังมีอีกหลายต่อหลายคนที่มองหาสูตรสำเร็จในการทำให้ธุรกิจของพวกเขาประสบความสำเร็จ ซึ่งเราจะขอย้ำตรงนี้อีกครั้งว่า ไม่มีสูตรหรือทางลัดใดๆ ที่จะทำให้คุณสำเร็จโดยการใช้วิธีการเหมือนคนอื่นๆ ได้ แบรนด์ของคุณ ธุรกิจของคุณ คุณเท่านั้นที่จะสร้างเส้นทางความสำเร็จด้วยตัวเอง ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นวิธีโปรโมทเพจ วิธีโปรโมทไอจีที่เรานำเสนอไป เป็นเพียงข้อมูลในเชิงเทคนิคเท่านั้นแต่ในทางปฏิบัติจริง การทำโฆษณาหลากหลายวัตถุประสงค์ หลายกลุ่มเป้าหมาย หลายรูปแบบโฆษณาต่างหากคือสิ่งที่จะช่วยให้คุณรู้ได้ว่า โฆษณาแบบไหนกันแน่ที่เหมาะกับธุรกิจของคุณหรือถ้าอยากได้ทางลัดจริงๆ ง่ายที่สุดคือจ้างผู้เชี่ยวชาญดูแลเรื่องเหล่านี้ให้