เรื่องนี้คนทำโฆษณาออนไลน์ต้องรู้! Adblock คืออะไร ทำโฆษณายังไงไม่ให้ผู้ใช้รำคาญ
หากพูดในแง่ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทั่วไป การที่เราเข้าเว็บไซต์ต่างๆ แล้วมีแบนเนอร์โฆษณาเด้งมากวนอยู่ตลอดเวลานั้นคงเป็นสิ่งที่น่าหงุดหงิดไม่น้อย ยิ่งบางครั้งเผลอคลิกเข้าไป เอ้า! คอมพิวเตอร์โดนไวรัสซะอย่างนั้น คงด้วยเหตุผลเหล่านี้เองที่ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “Adblock” ขึ้น
แต่ถ้าคุณเป็นคนทำการตลาดหรือโฆษณาออนไลน์ เมื่อพูดถึง Adblock มันจะกลายเป็นอุปสรรคขึ้นมาทันที เหตุเพราะโฆษณาที่พวกเราทำนั้นก็จะโดนปิดกั้นไปด้วย บทความนี้เราจึงจะพาทุกคนมารู้จักว่า Adblock คืออะไร รวมถึงความต่างระหว่าง Adblock กับ Adblock Plus ว่าต่างกันอย่างไรบ้างและแน่นอนว่าแนวทางการทำโฆษณาแบบไหนที่จะช่วยให้คนไม่รู้สึกรำคาญจนต้องโหลด Adblock มาติดตั้ง มาหาคำตอบไปพร้อมๆ กัน
Table of Contents
Adblock คืออะไร
แปลตรงๆ ตามชื่อเลยก็คือ “เครื่องมือสำหรับปิดกั้นการมองเห็นโฆษณา” หรือขยายความอย่างละเอียดก็คือซอฟต์แวร์ที่จะช่วยให้ผู้ใช้ไม่ถูกโฆษณาต่างๆ เช่น Google Ads, Facebook Ads ไปจนถึงโฆษณาชนิดอื่นๆ อย่าง Taboola และโฆษณา Popup ต่างๆ ที่ขึ้นมารบกวนการท่องเว็บไซต์ของคุณด้วย
เพราะอะไรที่คนถึงหันมาใช้ Adblock กันมากขึ้นเรื่อยๆ
เหตุผลแบบเบสิกสุดๆ ส่วนมากก็คือ “รำคาญ” หรือจะพูดให้ซอฟต์ลงก็คือคนเริ่มเบื่อกับการที่ต้องเห็นโฆษณาในทุกๆ ครั้งที่พวกเขาท่องเว็บไซต์ โดยผลสำรวจจาก Global Web Index พบว่า
– ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตกว่า 47% มีการเปิดใช้โปรแกรม Adblock ในปัจจุบัน
– เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีการใช้ Adblock เป็นอันดับต้นๆ ของโลก
– โฆษณาที่มากเกินไป น่ารำคาญ ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาเว็บไซต์ คือสามปัจจัยหลักในการเลือกใช้ Adblock ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต
ข้อมูลเพียงบางส่วนจากรายงานฉบับนี้น่าจะพอทำให้คุณเห็นแล้วว่า การทำโฆษณาแบบ “เกินพอดี” จะยิ่งทำให้คนเบื่อหน่ายกับการเห็นโฆษณาเหล่านั้นมากยิ่งขึ้นและในที่สุดพวกเขาจะหาวิธีทางปิดกั้นการเห็นโฆษณาของเรา แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องดีในแง่ของการทำการตลาดออนไลน์
Adblock Plus คืออะไร ต่างจาก Adblock ปกติยังไงบ้าง
อันที่จริงแล้วคำว่า Adblock เป็นเหมือนคำศัพท์ที่เอาไว้เรียกโปรแกรมใดๆ ก็ตามที่มีคุณสมบัติในการปิดกั้นการมองเห็นโฆษณาบนบราวเซอร์ต่างๆ ดังนั้น Adblock กับ Adblock Plus จึงมีวัตถุประสงค์ในด้านการใช้งานที่ไม่ต่างกัน แต่อาจจะมีคุณสมบัติบางอย่างที่แตกต่างกันออกไปบ้าง (ตรงส่วนนี้ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้ใช้ว่าจะเลือกใช้ตัวไหน)
โดยปกติแล้วเครื่องมือสำหรับปิดการมองเห็นโฆษณานั้นมีมากมายหลายแบรนด์ โดยคุณสามารถค้นหาได้จาก (กรณีนี้จะพูดถึงเฉพาะใน Google Chrome เท่านั้น) เข้าไปที่ Google Web Store วิธีเข้ามีดังนี้
วิธีที่ 1 เข้าผ่านเว็บไซต์ได้ที่ https://chrome.google.com/webstore
วิธีที่ 2 เข้าผ่าน Google Chrome โดยการ
2.1 กด จุดสามจุดทางด้านมุมบนขวามือของหน้าจอ Google Chrome
2.2 เลือก More Tools
2.3 เลือก Extensions
2.4 ทางแถบเมนูซ้ายมือด้านล่าง เลือก Open Chrome Web Store
เมื่อทำการเข้าสู่หน้าเว็บสำหรับดาวน์โหลดส่วนขยายใน Google Chrome แล้วให้คุณค้นหาในช่อง Search ด้วยคำว่า Adblock ทีนี้คุณก็จะเห็นเครื่องมือสำหรับปิดกั้นโฆษณามาให้คุณเลือกใช้ตามความชอบแล้ว
ปิด Adblock ยังไงได้บ้าง
ในความเป็นจริงอันขมขื่นนั้น แม้ว่าคุณจะเป็นนักการตลาดที่เก่งกาดขนาดไหนคุณก็ไม่สามารถไปปิด Adblock ของคนอื่นได้ ความหมายก็คือผู้ใช้ที่เป็นเจ้าของคอมพิวเตอร์นั้นเท่านั้นถึงจะสามารถเลือกปิดใช้งาน Adblock ได้ ดังนั้นคำแนะนำของเราคือ เลิกสนใจคนที่บล็อกไปแล้วแต่หาวิธีมาทำให้คนที่เหลือไม่ใช้ Adblock เพิ่มกันดีกว่า
แต่ถ้าคุณเป็นผู้ใช้ที่ต้องการปิดใช้งาน Adblock ก็ทำได้ด้วยการเข้าไปที่การตั้งค่า (ใน Web Browse) แล้วเข้าเครื่องมือ Extension จากนั้นก็หาตัวที่ชื่อ Adblock และทำการปิดการใช้งาน เมื่อคุณปิดแล้วคุณก็จะกลับมาเห็นโฆษณาต่างๆ ได้ปกติ
ทำโฆษณาอย่างไรให้คนไม่เบื่อ
หากคุณอ่านมาถึงตอนนี้ น่าจะพอทำให้คุณ “ตื่นจากฝัน” ได้แล้วว่า คุณไม่สามารถห้ามไม่ให้ใครใช้ Adblock ได้ ดังนั้นวิธีเดียวที่เหล่านักการตลาดออนไลน์อย่างเราจะทำได้ก็คือ ทำอย่างไรก็ได้ให้โฆษณาของคุณไม่ไปสร้างความรำคาญให้กับกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเทคนิคในการทำโฆษณาให้ดูเข้าถึงแบบแยบยลที่สุดที่เราจะแนะนำนั้นก็คือ
- ควรทำโฆษณาให้ดูไม่เหมือนโฆษณา
จริงที่ว่าจุดประสงค์ของการทำโฆษณานั้นก็เพื่อการขายของ แต่หากคุณไม่อยากให้กลุ่มเป้าหมายโหลด Adblock มาใช้จนทำให้คุณหมดโอกาสที่จะขายของนั้น สิ่งที่ควรจะทำคือออกแบบโฆษณาให้กลมกลืนแต่ยังคงไว้ซึ่งความน่าสนใจ กลมกลืนในที่นี้คือการทำให้โฆษณาดูเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อหา ดูเป็นคอนเทนต์ที่เข้าไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมต่อได้ เป็นต้น
- ศึกษาค้นคว้าให้มากๆ ว่ากลุ่มผู้ชมเป้าหมายของคุณชอบหรือไม่ชอบอะไร
สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณต้องรู้ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะคุณจะได้สามารถผลิตชิ้นงานโฆษณาที่น่าสนใจและตอบโจทย์กลุ่มคนเหล่านี้ได้มากที่สุด แน่นอนว่าโอกาสที่พวกเขาจะใช้ Adblock ก็อาจน้อยลงไปด้วย (หากทุกแบรนด์ทำแบบเดียวกัน)
- ปรับเปลี่ยนโฆษณาของคุณอยู่เสมอ
การใช้โฆษณาเดิมซ้ำๆ เป็นเวลานาน แน่นอนว่าเมื่อคนเห็นอะไรซ้ำซากก็ต้องเบื่อไปธรรมดาเผลอๆ อาจรำคาญเลยด้วยซ้ำ การเปลี่ยนภาพโฆษณาไปจนถึงคอนเทนต์อยู่เสมอจะช่วยให้โฆษณาของคุณมีอายุการใช้งานที่ยาวขึ้น เพราะไม่จำเจ
สิ่งที่เราอยากจะบอกนักการตลาดที่ทำโฆษณาทุกท่านคือ ไม่ต้องไปกังวลเรื่องผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตหรือเว็บไซต์ว่าจะดาวน์โหลด Adblock มาใช้หรือไม่หรอก เอาเวลามาโฟกัสเรื่องการทำโฆษณาให้มีประสิทธิภาพสูงสุดจะดีกว่า
Join the discussion - 0 Comment