ที่รู้นั้นจริงหรือมั่วนิ่ม Online Marketing คืออะไร บทความนี้มีคำตอบ

ทุกวันนี้แทบจะไม่มีใครไม่รู้จัก Online Marketing ในบทความนี้เราจะมาไขความกระจ่างถึงความหมายที่แท้จริงว่า Online Marketing หรือการตลาดออนไลน์ คืออะไรและทำไมธุรกิจที่เกิดขึ้นในยุคนี้หรือแม้แต่ธุรกิจรุ่นเก่าก็ไม่สามารถปฏิเสธการทำ Online Marketing ได้

Online Marketing คืออะไร

แปลความหมายตรงตัวคือ “การตลาดออนไลน์” ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อมีคำว่าการตลาดไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบใดก็ตามมันก็คือรูปแบบของการบริหารงานเพื่อจุดประสงค์ทางด้านธุรกิจไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง ถ้าฟังประโยคข้างต้นรู้สึกเข้าถึงยากไป ให้เข้าใจง่ายๆ ก็อย่างเช่น เราจะทำการตลาดนั้นๆ ไปเพื่ออะไร ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก เพิ่มยอดขาย เพิ่มฐานลูกค้า เก็บข้อมูลธุรกิจ ฯลฯ ซึ่งวัตถุประสงค์เหล่านี้เราจำเป็นต้องกำหนดตั้งแต่ก่อนเริ่มทำการตลาดในทุกรูปแบบ

ดังนั้นคำว่า Online Marketing ก็คือการตลาดที่ถูกทำบนสื่อออนไลน์ในระบบอินเทอร์เน็ตทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย แอปพลิเคชัน ฯลฯ

ป้ายโฆษณาแฮมเบอร์เกอร์ยี่ห้อ McDonald ในบทความ influencer marketing

 

Offline Marketing กับ Online Marketing ต่างกันอย่างไร

การทำการตลาดแบบ Offline คือทำทุกอย่างที่ไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ต เช่น สื่อสิ่งพิมพ์ (นิตยสาร หนังสือพิมพ์ โบว์ชัวร์ โปสเตอร์ บิลบอร์ด ฯลฯ) ส่วน Online Marketing คือการทำการตลาดบนสื่อที่เราสามารถรับรู้ได้จากทางหน้าจอต่างๆ ยกเว้น ทีวี เช่น โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต เป็นต้น 

นั่นจึงหมายความว่า รูปแบบในการทำการตลาดของทั้งสองอย่างนี้จริงๆ แล้ววิธีการหรือกระบวนการนั้นเหมือนกัน ต่างกันที่แพลตฟอร์มหรือพื้นที่ที่สื่อต่างๆ ที่เราทำนั้นจะไปแสดงเสียมากกว่า (จริงๆ อาจจะมีบางขั้นตอนหรือกระบวนการบางอย่างที่แตกต่างกันไปบ้าง แต่ใจความสำคัญนั้นเหมือนกัน)

 

ปัจจัยใดบ้างที่เป็นตัวบ่งชี้ว่าธุรกิจนั้น ต้องทำการตลาดออนไลน์

แทบจะทุกคนในทุกวันนี้พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าการตลาดออฟไลน์นั้นตายไปแล้ว ถ้าไม่ทำการตลาดออนไลน์ก็อยู่ไม่ได้ ซึ่งความคิดเหล่านี้มีทั้งจริงและไม่จริง ที่ว่าจริงคือหากทุกวันนี้ธุรกิจของคุณไม่ขยับเข้ามาสู่โลกออนไลน์โอกาสรอดนั้นน้อยมาก

แต่สิ่งที่ไม่จริงคือการตลาดออฟไลน์ยังไม่ได้ตายซะทีเดียว (แต่ในอนาคตก็ไม่แน่) เพราะตราบใดที่ธุรกิจของคุณมีหน้าร้าน มีสถานที่หรือเป็นธุรกิจที่ลูกค้าต้องเป็นฝ่ายเข้าหา เช่น ร้านอาหาร ที่พักโรงแรม ร้านสะดวกซื้อ ฯลฯ การทำการตลาดแบบออฟไลน์ควบคู่กับ Online Marketing ก็ยังได้ผลมากกว่าการทำเพียงออนไลน์อย่างเดียว 

สิ่งที่จะมาบ่งชี้ได้ว่าธุรกิจของคุณควรหรือไม่ควรทำการตลาดออนไลน์นั้นจึงเป็น “จุดประสงค์” ของคุณมากกว่าว่าต้องการดำเนินธุรกิจไปในทิศทางใด มีเป้าหมายไว้อย่างไรเพราะหากคุณคาดหวังกลุ่มลูกค้าที่พฤติกรรมส่วนใหญ่ของพวกเขาอยู่บนโลกออนไลน์ล่ะก็ คุณก็ควรจะเริ่มทำการตลาดออนไลน์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ก่อนที่จะโดนคู่แข่งแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดไปซะหมด

อยากทำ Online Marketing ต้องเริ่มจากอะไร

การตลาดไม่ว่าจะรูปแบบไหนก็แล้วแต่ควรเริ่มจากการวางแผนอย่างรัดกุม มีทั้งแผนระยะสั้น ระยะยาวและแผนสำรองกรณีที่เกิดสิ่งที่ไม่คาดคิด Online Marketing ก็เช่นกัน สิ่งที่คุณควรวางไว้ตั้งแต่แรกจะมีในแง่ของเรื่องการสร้างแบรนด์ (Branding) แบรนด์จะเป็นยังไง ขายใคร มีบุคลิกอย่างไร (Brand Persona) จะใช้แพลตฟอร์มไหนในการขับเคลื่อนธุรกิจ เมื่อมีสิ่งเหล่านี้เพียบพร้อมแล้วส่วนสำคัญสุดท้ายที่ขาดไม่ได้นั่นก็คือ “งบประมาณและบุคลากร”

เพราะความจริงที่เจ้าของธุรกิจต้องยอมรับให้ได้นั่นก็คือ การทำการตลาดออนไลน์ในปัจจุบันนั้นมีต้นทุนที่สูงมาก ทั้งในแง่ของการจัดการและค่าจ้างทีมงานเข้ามาดูแล (เกือบจะเท่าๆ การตลาดยุคเก่าแล้ว) เพราะด้วยความที่การตลาดออนไลน์เป็นสิ่งที่ต้องใช้บุคลากรที่มีทักษะความสามารถเฉพาะทาง นั่นจึงทำให้คนสายงานออนไลน์ส่วนมากจึงมีค่าตัวที่สูง ดังนั้นอย่าลืมที่จะจัดสรรงบประมาณส่วนนี้ให้รัดกุม เพราะหากมีปัญหาตรงนี้เมื่อไหร่ก็อาจทำให้พังทั้งระบบได้

 

วิธีชนะคู่แข่งในการทำการตลาดออนไลน์

ถึงแม้ว่าการทำ Online Marketing นั้นต้องใช้เงินไม่ได้ต่างจากการตลาดยุคเก่า แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าการที่คุณมีเงินเยอะกว่าจะสามารถชนะคู่แข่งทางธุรกิจที่เงินน้อยกว่าได้ เพราะในยุคการตลาดออนไลน์ที่ใครๆ ก็มีสื่อ มีเครื่องมือเป็นของตัวเองนั้น ทุกคนสามารถชนะคุณได้…อยู่เสมอ ดังนั้นการทำสิ่งที่แตกต่าง ใหม่และน่าสนใจจนเป็นที่พูดถึงในวงกว้างได้ก่อนนั้นจะมีโอกาสเอาชัยเหนือคู่แข่งได้มากกว่า ยุคนี้ใครทำก่อน ทำเร็วกว่าและน่าสนใจกว่ามักจะเป็นผู้ชนะเสมอ

สำหรับการตลาดออนไลน์นั้นจริงๆ แล้วมันไม่มีสูตรสำเร็จใดๆ จะมาบอกกันได้ว่า ต้องทำแบบนั้น แบบนี้จึงจะสำเร็จบางธุรกิจทำเพียง Facebook เพจอย่างเดียว ก็ประสบความสำเร็จ แต่ในอีกหลายๆ ธุรกิจที่มีทั้งเว็บไซต์และโซเชียลมีเดียทุกช่องทางก็ยังไปไม่ถึงฝั่งฝัน 

ทุกอย่างล้วนอยู่ที่ความอดทนและการวางแผนที่รัดกุม ไปจนถึงความเข้าใจในกลไกทาง Online Marketing ว่ามีการผันเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว หากคุณปรับตัวได้และตามเรื่องเหล่านี้ทัน ก็ไม่ต้องกังวลว่าธุรกิจของคุณจะไปไม่รอด เพราะมันจะไม่มีวันเกิดขึ้น